วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559

นินทาภรรยา





                                                                น.ส. กาญจนา ศิริหล้า .
.............ตา ๆ เขียนถึงเมียบ้างสิ อยากรู้ว่าตามีเมียกี่คน สวยดีไหมลูกหลาน บางคนก็มีคำถามทะลึ่ง ๆ ให้เราตอบ แต่ดูหน้ามันใสซื่อคงอยากรู้จริง ๆ เพราะ บ่อยครั้งที่ตาไปเยี่ยมพวกเขา ตาไปคนเดียว บางครั้งก็ตั้งใจเล่าให้ฟัง ตาไม่ใช่ คนรูปหล่อ ไม่เจ้าชู้ แต่ เป็นคนที่มีความรอบรู้และประสบการณ์มากมาย จนผู้เฒ่า ผู้แก่เขาอยากยกลูกสาวให้ ตาเป็นคนแบบไหนล่ะ
…. .............มีความรู้ดีจากการศึกษาเล่าเรียน ปี 2503 จบ ม. 6 แล้ว ปี 2510 บวช พระเตรียมแต่งงาน แต่บวชนานไปหน่อย จบนักธรรมเอก ปี 2512 จบเปรียญสี่ ประโยค ปี 2514 สอบได้วิชาชุดครู พ.ม. ปี 2516 แล้วสึกไปสอบบรรจุครูปีนั้น เลย และมีโอกาสศึกษาต่อ จบปริญญาตรี กศ.บ. ปี 2519 จบปริญญาโท ศศ.ม. ปี 2524
 ............มีประสบการณ์ในการทำงานหลากหลาย ทำนาช่วยพ่อแม่ (2503-2510) เรียนรู้วิชาช่างฝีมือ จักสาน งานไม้ ถักทอ ทำมาหากิน ก่อนแต่งงานต้องเป็นทุก อย่าง ไปบวชได้รักษาการเจ้าอาวาส 1 ปี เป็น เลขาฯเจ้าคณะอำเภอ 3 ปี เป็นครู สอนปริยัติธรรม 4 ปี สึกมาเป็นครูมัธยม สอนวิชาศีลธรรม ภาษาไทย เป็นบรรณารักษ์ เป็นหัวหน้าหมวดวิชา เป็นผู้ช่วยผู้บริหาร เป็นผู้ตรวจราชการ
.............ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆอีกมากมาย แต่พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวคนอ่านจะอ้วก ก่อน ปี 2510 สาวที่มีนาติดกัน เป็นคนขยันมาก เธอฟันดินทำคันนาเก่งกว่าเราอีก ไถนา ก็คล่อง เห็นแล้วอัศจรรย์ พ่อแม่เราชอบมากอยากได้เป็นสะใภ้ เร่งให้เราบวช แต่เรา ยังไม่คิดมีเมีย เลยถือโอกาสบวชศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยซะ 7 พรรษา
..............เป็นครูได้ 2 ปี อายุมากแล้ว พ่อเสียไปแต่ปีแรกที่เป็นครู เลยคิดถึงตัวเอง มี การงานมั่นคงพอเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว ก็มองหาสาว ๆ คนไหนน้า ที่จะมาเป็นคู่กรรม ของเรา ก็ดู ๆ ไปหลายคน ที่เป็นสาวชาวบ้านธรรมดา ๆ ก็มี ที่สุดก็มาลงลูกสาวมรรค ทายก พ่อแม่เป็นคนแก่วัด ลูกสาวก็คงไม่ทิ้งแถว คุณสมบัติก็ใช้ได้ มีการศึกษาดี เธอจบโรงเรียนเพาะช่าง แต่มาเป็นครูประถม ได้พบพูดคุยกันก็ชอบเลยนะ เพราะ เป็นคนหัวโบราณ ไม่ล้ำสมัยเกินไป แต่เขามีแฟนแล้ว แฟนเขาทำงานอยู่กรุงเทพ ฯ เธอสอนอยู่จังหวัดเลย ความห่างไกลก็เลย ร้างลากันไป ทำให้เรามีโอกาสสานสัมพันธุ์ คนแวดล้อมเธอเราตีกินรวบหมด ญาติพี่น้อง พี่ชาย พี่สะใภ้ ที่สำคัญ แม่ยายที่เขาเล่า ว่า หินที่สุด ให้ท้ายเรานี่ จะไปมีปัญหาอะไรอีก เราแต่งงานกันเมื่อ ปี 2517 ต่อมามี บุตรธิดาด้วยกัน รวม 3 คน
............... ความประทับใจในตัวคุณกาญจนา เธอเป็นภรรยาที่ดีมาก เป็นแม่ที่รักลูก อยู่นอกบ้านพูดเก่ง อยู่บ้านไม่ค่อยพูดเอาแต่ยิ้ม เลยไม่ได้ทะเลาะกันตลอดชีวิตการ สมรส เพราะอยู่กรุงเทพนาน เลยทำอาหารอีสานไม่เก่ง ต่างจากแม่ยายที่ฝีมือเยี่ยม เราก็เลยเข้าครัวช่วยแม่ยายประจำ ที่ขำไม่หายมีอยู่วันหนึ่งเธอกลับถึงบ้านก่อนสับเส้น มะละกอใส่กะละมังไว้ เก็บผักมาพร้อม พอเรากลับถึงบ้านมากระซิบว่าตำส้มให้กินหน่อย แม่ยายมาเห็นด่าเอา”กูนึกว่ามึงจะตำส้มไว้ให้ผัวกัน มึงเตรียมไว้ให้ผัวทำให้กินนี่เอง” เราก็หัวเราะ เพราะรู้อยู่ว่าแกทำอาหารอีสานไม่เก่ง ตำแจ่วบองก็ทำเยอะ ๆ ใส่กระปุก ไว้ให้ เพื่อนสาว ๆมาเยี่ยมบ้านชมใหญ่เลยว่าพี่เขยตำแจ่วบองอร่อยมาก
.............. ประมาณ ปี 2535 สุขภาพเธอเริ่มแย่งลง เป็นภูมิแพ้ ประเภทหอบหืด ก็รักษา กันตามสภาพ เพราะบ้านอยู่ในเมือง คลินิก โรงพยาบาล อยู่ไม่ไกล เพื่อนแกหลายคน ก็เป็นพยาบาลเคยได้รับคำแนะนำมากมาย แต่อาการไม่ดีขึ้น เคยไปรักษาที่โรงพยาบาล พระมงกุฎเกล้า 3 ปี ไปผ่าตัดต่อมหอบหืดที่ โรงพยาบาลโคกเคียน นราธิวาส ก็ไม่หาย ที่สุดเธอก็จากไปเมื่อปี 2542 ทิ้งมรดกไว้ ให้ 3 คน ขอบันทึกแทรกไว้ตรงนี้ละกัน
 ..............คนโต ศศิธร ศรีประจง (เดชไทย) ครูเชี่ยวชาญ พิเศษ ปริญญาโท วิชา เอกภาษาอังกฤษ ทำงานที่ โรงเรียนศรีสงครามวิทยา จังหวัดเลย
 ..............คนที่ 2 โฆษิต ศรีประจง วท.บ. พืชไร่ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำงานบริษัทเอกชน กรุงเทพ ฯ .
.............คนที่ 3 สาวิตรี ศรีประจง วท.บ. เทคโนโลยีสารสนเทศ จาก ม.มหาสารคาม ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่กรุงเทพ ฯ 



             ถ่ายกับ น.ส. นิภา ณรงค์หนู น .ส อรภา ณรงค์หนู แล้วก็ น.ส. ธนัญธร ณรงค์หนู ------------
..............ปี 2546 ได้ เปิดโลกออนไลน์ ยามอยู่ที่บ้าน ติดตั้งเนทความเร็วสูง ทำให้ทดลองสร้างเวบไซท์ได้หลายเวบ ท่องอินเตอร์เนตผ่าน ไอซีคิว แมส เสจ เพิร์ช ได้รู้จักคนมากมาย ได้เห็นบริการหาเพื่อนหญิง เพื่อนชาย นึกสนุก กับเขาเลยเขาไปเล่นด้วย ก็ได้รู้จักสาวพยาบาลโรงพยาบาลเมืองแปดริ้ว ได้แลก เปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิชาการ โดยเฉพาะเรื่องการทำเวบไซท์ การทำสไลด์ การ นำเสนอผลงาน ก็ได้ให้คำแนะนำช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์ โอกาสสำคัญ ก็มีบท กลอนให้อ่านบ้าง ทำให้ความผูกพันธ์เพิ่มมากขึ้นตามวันเวลา ยามเจ็บป่วยก็ได้ เธอช่วยเหลือ ทำให้รู้สึกว่าความอบอุ่นใจที่ขาดหายไปได้รับการทดแทนไม่เหงา อีกแล้ว จึงได้ไปพบ แม่ยาย และสารภาพความจริงให้ท่านฟัง ท่านก็เมตตาด้วยดี ยกลูกสาว" คุณนิภา ณรงค์หนู" ให้เป็นภรรยาคนที่สอง แต่นั้นมา ไม่ผิดหวังหรอก ครับเธอเป็นผู้ใหญ่ ระดับ หัวหน้าตึกสงฆ์ ดูแลคนเจ็บป่วยมานาน ย่อมไม่ยากที่ จะดูแลคนชราอย่างเรา อยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ มีเกร็ดเล็กเกร็ดย่อย ให้ได้ เล่าถึงเธอมากมาย หยิบยกมาเล่า เพียงบางอย่าง นะครับ เพื่อความปลอดภัย
...............นับแต่อยู่ด้วยกันที่แปดริ้วมา ผมมีภรรยา 3 คน คือคนแรกนิภา ณรงค์หนู พยาบาลสาวหัวหน้าตึกสงฆ์ มาดเข้ม งานคล่อง เฉียบขาด แต่ลูกน้องรักมาก อยู่มาวัน หนึ่งนิภาณ รงค์หนูหายไป มี อรภา ณรงค์หนู มาแทน ดูรูปร่างหน้าตา เวลายิ้ม เวลา ดุเหมือนนิภาไม่มีผิด เออ ก็ได้ เมียเราชื่อ อรภา เห็นว่า ลูกสาว นักเรียนระดับประถม   คิดให้ เราเลยท่องอยู่หลายวัน อรภา ๆ ๆ ๆ ๆ พยายาม จำให้ได้ กลัวลืมไป ทักชื่อเขาผิดเป็น วิยะดา วิกานดา แบบนี้ เจ็บตัวแน่ ดีใจจังได้เมียสองคนแล้ว ยัง ยังไม่จบวันหนึ่งเห็นคุยกับลูกสาวว่า มาเปลี่ยนชื่อกันเถอะ ชื่อเดิมไม่ดี ทำให้เงินทอง ไหลออกง่าย ดีใจนะที่เรามีชื่อ ขุนทอง คงไม่ไหลออกจนต้องเปลี่ยน นึกว่าพูดเล่น วันนึ่งก็มีจดหมายจ่าหน้า น.ส. ธนัญธร ณรงค์หนู ดูบ้านเลขที่ก็ใช่ ใครหว่า เด็ก แม่บ้านเขาต่อว่า “ จำภรรยาตัวเองไม่ได้เหรอ นี่แหละใช่เลย” แหม เรา มีเมียคนที่ 3 แล้วนะเออ
................ธนัญธร เคยเป็นพยาบาล แม้เป็นข้าราชการบำนาญแล้ว ยังมีจิตวิญญาณเป็นพยาบาล ใคร
เจ็บไข้ได้ป่วย ยินดีช่วยเหลือเสมอ คนรอบข้างไม่สบายก็ใส่ใจสม่ำเสมอ เป็นไง ไม่สบายตรงไหน ทานยารึยัง เอ ทำไมไม่ทานตามเวลาล่ะ  ไม่ได้นะ สำนวนนี้ได้ยินบ่อย ก็ดีนะทำให้เราสบายใจมาก ส่วนเรื่องขำ ๆ เขามีเยอะเหมือนกัน
 ................ธนัญธร คนขี้สงสัย โดยเฉพาะเรื่อง ความรัก แกจะเที่ยวถามไป ทั่ว ว่า รักฉันไหม อารมณ์ดีคุยกับลูกสาวไปมาหลายเรื่องแล้วก็ลงท้าย "หนู รักแม่ไหม" กับแม่ยายก็เหมือนกัน คำถาม "แม่รักหนูไหม" นำมาใช้ประจำ แล้วเราก็โดนบ้าง "คุณรักฉันไหม" ถามบ่อยมาก ขนาดนอนเคียงคู่กันอยู่ บนเตียงก็ยังถาม นึก ๆ ไปก็ขำ ๆนะ มันเลยเวลาจะถามว่ารักไหมมานาน แล้ว ใครจะกล้าบอกว่า "ผมรักแม่เฒ่าสุดจิตสุดใจ" เดี๋ยวก็โดนหาว่าล้อไง .
..............ธนัญธร คนรับรู้เชื่องช้า เรื่องการงาน วิชาการ อาจไม่ช้า แต่เรื่อง ถ้อยคำสำนวนภาษา นี่ ช้าเห็นได้ชัด เธอเล่าเองว่า แม่ยายเคยด่าเรื่อง น้อง ชายเชื่อฟังเมียมากกว่าพี่สาวคือตัวเธอว่า "แกพูดกับน้องชาย มันต่างกันกับ ที่เมียเขาพูด ความน่าเชื่อถือมันต่างกัน นั่งพููด กับ นอน พูดคุยกัน มันจะไป เหมือนกันได้อย่างไร หลายวันต่อมา น้องชายมาที่บ้าน แกก็ชวนน้องชาย ไปนอนคุยกัน น้องชายก็เด๋อด๋าว่า มันเรื่องอะไร พอรู้เรื่องเท่านั้นแหละแก หัวเราะขำแทบเยี่ยวเล็ดทีเดียว เรื่องทำนองนี้ ธนัญธร สะสมไว้เยอะ วันหนึ่ง แกก็มีคำถามมาบอกว่า เพื่อนเขาเตือนเธอว่า " ทำดีน่ะดีแล้วแต่ดีอย่างห่าง....." มันหมายความว่าะไร โหแฟนเรา ต้องแอบกระซิบให้ฟัง โกรธใหญ่จะกลับ ไปด่าเขา โธ่มันเย็นชืดแล้ว
..............ธนัญธร คนศรัทธาแก่กล้าจนขวัญอ่อน การไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฝังลึก ในสายเลือด อะไรที่คิดว่าศักดิ์สิทธิ ไหว้ได้ทั้งนั้น ออกจากบ้าน นั่งรถผ่านศาล พระภูมิ ผ่านเจดีย์ แกไหว้ดะไปหมด เห็นแล้วน่าเลื่อมใสนะ คนอะไรใจบุญกุศล เหลือเกิน เคยลองทดสอบ ชี้ต้นไม้ แกก็ยกมือไหว้ ชี้เครื่องบิน ก็ไหว้ เมื่อไหว้ เสร็จก็หันมาด่าเรา หาว่าเราแกล้ง ก็แค่จะชี้ให้ดู ไปไหว้มันทำไม ยาย
 ............ธนัญธร ปากไวกว่าคิด เช่นแก่กำลังพูดถึงซื้อกางเกงในสวย ๆ ได้ราคา ถูกก็นำมาเล่าให้เราฟัง ใกล้เทียงจะไปทานก๋วยเตี๋ยวกัน นั่งรถไปไม่นานอยู่ ๆ ก็ถามเราว่า"ใส่กางเกงในรึยัง" เราหัวเราะ ถามกลับไปว่า แล้วจะถามไปทำไม แกบอกว่า อยากรู้ร้านมันเปิดไหม่ คนได้ยินขำแต่ห้ามหัวเราะ เลยอยากแกล้งแก บ้าง ข้างทางมีแม่ค้าหอยแมงภู่ สาม โล ร้อย สี่ห้าเจ้า อยากซื้อไปลวกกินที่บ้าน เลยบอกแกว่า "ยาย หอยเน่า ๆสามโลร้อย สักชุดสิ" ได้เงิน รถจอดแกก็เปิดกระจก รถออกแล้วร้องบอกแม่ค้า "แม่ค้า ๆ หอยเน่า ๆ สามโลจ้า" ดีที่วันนั้นแม่ค้าไม่อยู่ อยู่แต่สามี แกทำหน้างง ๆ แต่ก็ขายให้ เขียนถึงภรรยา 2 คน ค่อนข้างยาว โดยเฉพาะคนที่ 2 สามชื่อ เขาอยาก ให้เขียนถึงเขามาก ๆ ก็เขียนให้แล้ว อย่ามาต่อว่าละกัน สวัสดี

นายจำปา ศรีประจง

นายจำปา ศรีประจง - 2516
            

                 ค้นหาภาพเก่า ๆ ในอัลบั้มภาพคอมพิวเตอร์ พบภาพนี้เข้า ต้นฉบับภาพเลอะเลือน ถ่ายมาจากบ้าน คุณยาย ทุม หอมจันทร์ บ้านหนองกองเหนือ กำแพงเพชร เดิมยายทุมแกชื่อ น.ส.ทุม ศรีประจง เพิ่งมาใช้นามสกุลหอมจันทร์ตอนแต่งงานกับ ตามี หอมจันทร์ บ้านโนนสังมีลูกหลานตามมาอีกมากมาย ยายทุมคือลูกสาวคนเล็กของแก ส่วนลูกชายคนเล็กของตาทวดคนนี้ก็คือ นายขุนทอง ศรีประจง ถึงผมจะมีเมีย 2 คน แล้วก็ยังใช้สกุลเดิมอยู่ สรุปว่า เรามีพ่อคนเดียวกันนั่นเอง
                คุณตาแกเป็นคนบ้านแก ตำบลธัญญา อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ อาชีพหลักทำนาทำไร่ เป็นคนมีมนุษยสัมพันธุ์ดี เลยมีตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอีกตำแหน่งหนึ่ง ท่านเป็นคนพูดจาโผงผาง แต่จริงใจไม่เอาเปรียบใคร คำสอนที่แกชอบสอนลูก ๆเสมอคือ “จะทำกิจใด ๆ ผิดใจโตแต่ให้ถืกใจเพิ่น” สำนวนอีสาน หมายความว่าอย่าเอาเปรียบคนอื่น ถึงคนอื่นจะได้เปรียบก็ให้เขาไป เวลาแบ่งพูดปลาที่ได้จากการล้อมซุ้ม ปลาเป็นลำเรือ คนกว่ายี่สิบคน แกเป็นคนกำกับดูแลการแบ่ง ให้คนอื่นหยิบเลือกก่อน กองสุดท้ายคือของแก ลูก ๆ แกทุกคนเป็นแบบนี้เสมอ
                 ผมเป็นลูกคนสุดท้องที่คุณตาแกรักมาก แต่ความรักที่แกมีให้ไม่ค่อยมีใครอิจฉาหรอก เพราะโดนดุมากกว่าคนอื่น เพราะชอบหนีเที่ยวประจำ พี่สาวพี่ชายตามตัวไม่ค่อยเจอ กลับมาบ้านแม่โอ๋ เตรียม ของกินไว้ให้เพียบ กินอิ่มแล้วก็หายไปอีก เด็กสมัยโน้น(2492)สี่ขวบ ชอบเล่นกันกลางบ้าน ลานวัด จนพ่อแม่่มาตามถึงเลิก การละเล่นหลายอย่างได้มาจากการเล่นกับเพื่อน ๆ ตอนไปเรียนที่มหาวิทยาลัย เล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง เขางงว่าทำไมทางบ้านเขาไม่รู้จัก เช่น เล่นหมากหนอน ไม้หิงอี่ เต้นตาหัวกะโหลก ม้าหลังโปก หมากลี้ ไม้สั้นไม้ยาว เสือกินหมู หมากหาบ ฯลฯ
                อายุห้าขวบต้องเข้าโรงเรียน ตาทวดแกเห่อมาก ไปฝากครูชั้น ป. 1 ไว้ล่วงหน้า แก่ชื่อ ครูชู นิสัยเหมือนตาทวดคือ เสียงดัง ดุ แต่ใจดี แกมาที่บ้านบ่อย เพราะตาทวดขายเหล้าขาว แกจำชื่อพี่สาวพี่ชายได้ทุกคน เวลาแกมาบ้านจึงหลบหน้ากันหมด เว้นผม ชอบแอบมาดูเวลาแกดื่มแล้วเมา พูดคุยกันเอะอะ จำได้บ้างว่าให้เอาลูกคนเล็กไปฝาก ป.เตรียม 3 เดือน ก่อนเปิดเรียน จะช่วยให้เด็กอ่านหนังสือได้ ความจริงผมโดนสอนหนังสือทุกวัน ครูก็คือ ยายทุม นายบัวทอง สองคนนี่ทำตัวเป็นครู สอนวิธีใช้กระดาน ใช้ดินสอปูน ดินสอหิน กอไก่ ฮอนกฮูก เขียนได้ อ่านออก พอเขาเลิกเรียนก็ถามหาน้องชายตามมาสอน จนเราเองก็นึกสนุก เมื่อไปเรียนวันแรก ครูชู แกจำหน้าได้ เรียกออกมายืนหน้าชั้น ถือไม้เรียว ชี้ตามที่แกพาอ่าน แก อ่าน กอไก่ ก็ต้องชี้ให้ถูก ทำได้ครูชมว่าเก่ง ยิ่งชมยิ่งตัวลอย พักเที่ยงยังมายืนชี้กระดานพาเพื่อนอ่านเล่น ครูชูมาเห็นชอบมาก เวลาแกจะนอนก็เรียกเรามายืนหน้าชั้นพาเพื่อนอ่าน กูไม่ตื่นอย่าเลิกนะ จำได้ดีคำสั่งครู บางทีจนระฆังเลิกเรียนแกจึงตื่น ตอนเย็นแกแวะไปบ้าน พ่อเลี้ยงเหล้าทุกวัน สงสัยไปชมลูกชายให้พ่อฟัง ก็ไม่ผิดหวังหรอก เพราะลูกชายสอบได้ที่ 1 ทุกครั้งที่มีการสอบ สมัยนั้นมีสอบ เทอมต้น เทอมกลาง แล้วก็สอบไล่เทอมปลาย ครูชูแกได้กินเหล้าฟรีปีละสามหน ขึ้น ป. 1 จน ป. 4 ก็เป็นคนเอาข่าวมาดีบอก ตาทวดเลยติดนิสัยขี้เห่อลูกชายคนเล็ก พี่สาวพี่ชายก็พลอยเป็นไปด้วย ทำให้ผมเป็นน้องชายที่ทุกคนรักและเมตตา ไม่อยากให้ทำงานหนัก อยากให้ตั้งใจเรียน
          เมื่อไม่ได้ทำงานบ้านเหมือนพี่ ๆ เราก็สนุกเล่น แต่การเล่นเปลี่ยนไปกลายเป็นการเล่นหาจับสัตว์ ต้องฝึกทำธนู หน้าไม้ ทำบ่วง จิ้งจกตุ๊กแกโดนพวกเราล่าทุกวัน เบื่อมากก็เข้าป่า ล่ากบเขียดมาย่างแบ่งกันกิน เก่งขึ้นก็ล่า กะปอม แย้ งูสิง ตอนอยู่ ป. 3 ป.4 พี่ชายสอนวิชาวางเบ็ดปลา เบ็ดกบ วางแงบดักกบให้ด้วย นายดีหมื่น นายบัวทอง สองคนนี่พาไปวางเบ็ดประจำ นายดีหมื่น เป็นญาติลูกผู้พี่ นาติดกัน ไปด้วยกันบ่อย ก็เลยได้วิชาทำมาหากินพวกนี้ติดตัวมา ไว้มีเวลาจะเขียนเล่าให้อ่านเล่น
          เขียนวันนี้เพราะเห็นภาพตาทวดจำปา ศรีประจง แม้ท่านจะจากไปตั้งแต่ปี 2516 ผมเพิ่งบรรจุครูมัธยมครั้งแรก เพิ่งได้รับเงินเดือนสะสม หกเดือน คุณตาก็ป่วย ได้พาไปคลินิคที่จังหวัดเลย หมอบอกเป็นโรคชรา ให้ยามากิน มารู้ทีหลังว่าคนป่วยหนักมากแล้ว จากนั้นไม่นานแกก็จากไป รูปนี้ถ่ายก่อนแกเสียไม่นาน เสื้อสักหลาดสีดำก็คือเสื้อรางวัลนักกีฬาดีเด่น ตราที่กระเป๋า เขียนไว้ว่า “นักกีฬาสามารถ มรรยาทดี จังหวัดชัยภูมิ ปี 2503 เสื้อลูกชายคนเล็กแกได้มาเมื่อเรียน ม.6 โรงเรียนเกษตรกรรมชัยภูมิ ลูกชายบวชเมื่อปี 2510 แล้วไปสึก เมษายน2516 บรรจุเป็นครู 1 พฤษภาคม 2516 ตาทวดแกยึดเสื้อตัวนี้ใช้เป็นเสื้อกันหนาว แม้วันแกนอนในโลงศพ ลูกหลานเห็นว่าชอบมากก็เลยจับมาแต่งให้ คิดถึงตาทวดนะ ถึงไม่ได้อยู่ใกล้ชิด แต่พฤติกรรมที่กระผมทำ เชื่อได้เลยว่าทำให้ตาทวดมีความสุขใจ ยิ่งกว่าการตอบแทนด้วยสิ่งของ ยกตัวอย่าง การสอบได้ที่ 1 ตลอดเวลาที่เรียนระดับประถม สอบได้ที่ 1 ทุกปีที่เรียนระดับมัธยม บวชพระสอบได้ทุกปี นักธรรมตรี, โท, เอก, ปธ.2, ปธ. 3 และ ปธ. 4 สอบวิชาชุด พ.กศ. ใช้เวลา 2 ปี สอบวิชาชุด พ.ม. ใช้เวลา 1 ปี นี่คือตัวอย่าง ช่วงที่ตาทวดยังได้รู้ได้เห็นวีรกรรมของ ลูกชายคนเล็ก กระผมทบทวนดูเรื่องราวหนหลัง ไม่เสียใจที่เกิดเป็นลูกชายตาทวด ได้ทำแต่สิ่งที่ดี ไม่นอกรีตนอกรอย ขอความดีงามที่สะสมมาจงเป็นปัจจัยส่งผลให้คุณตาทวดไปสู่ภพภูมิที่ดีงาม สงบสุขสืบไป

                                                                       ขุนทอง ศรีประจง
                                                                         มิถุนายน  2559






นายขุนทอง ศรีประจง  นางทุม หอมจันทร์ และ น.ส.สาวิตรี ศรีประจง(ลูกสาวหล่าผมเอง)
รูปนี้ถ่ายอยู่บ้านหนองกองเหนือ เด้อ