วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559

นินทาภรรยา





                                                                น.ส. กาญจนา ศิริหล้า .
.............ตา ๆ เขียนถึงเมียบ้างสิ อยากรู้ว่าตามีเมียกี่คน สวยดีไหมลูกหลาน บางคนก็มีคำถามทะลึ่ง ๆ ให้เราตอบ แต่ดูหน้ามันใสซื่อคงอยากรู้จริง ๆ เพราะ บ่อยครั้งที่ตาไปเยี่ยมพวกเขา ตาไปคนเดียว บางครั้งก็ตั้งใจเล่าให้ฟัง ตาไม่ใช่ คนรูปหล่อ ไม่เจ้าชู้ แต่ เป็นคนที่มีความรอบรู้และประสบการณ์มากมาย จนผู้เฒ่า ผู้แก่เขาอยากยกลูกสาวให้ ตาเป็นคนแบบไหนล่ะ
…. .............มีความรู้ดีจากการศึกษาเล่าเรียน ปี 2503 จบ ม. 6 แล้ว ปี 2510 บวช พระเตรียมแต่งงาน แต่บวชนานไปหน่อย จบนักธรรมเอก ปี 2512 จบเปรียญสี่ ประโยค ปี 2514 สอบได้วิชาชุดครู พ.ม. ปี 2516 แล้วสึกไปสอบบรรจุครูปีนั้น เลย และมีโอกาสศึกษาต่อ จบปริญญาตรี กศ.บ. ปี 2519 จบปริญญาโท ศศ.ม. ปี 2524
 ............มีประสบการณ์ในการทำงานหลากหลาย ทำนาช่วยพ่อแม่ (2503-2510) เรียนรู้วิชาช่างฝีมือ จักสาน งานไม้ ถักทอ ทำมาหากิน ก่อนแต่งงานต้องเป็นทุก อย่าง ไปบวชได้รักษาการเจ้าอาวาส 1 ปี เป็น เลขาฯเจ้าคณะอำเภอ 3 ปี เป็นครู สอนปริยัติธรรม 4 ปี สึกมาเป็นครูมัธยม สอนวิชาศีลธรรม ภาษาไทย เป็นบรรณารักษ์ เป็นหัวหน้าหมวดวิชา เป็นผู้ช่วยผู้บริหาร เป็นผู้ตรวจราชการ
.............ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆอีกมากมาย แต่พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวคนอ่านจะอ้วก ก่อน ปี 2510 สาวที่มีนาติดกัน เป็นคนขยันมาก เธอฟันดินทำคันนาเก่งกว่าเราอีก ไถนา ก็คล่อง เห็นแล้วอัศจรรย์ พ่อแม่เราชอบมากอยากได้เป็นสะใภ้ เร่งให้เราบวช แต่เรา ยังไม่คิดมีเมีย เลยถือโอกาสบวชศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยซะ 7 พรรษา
..............เป็นครูได้ 2 ปี อายุมากแล้ว พ่อเสียไปแต่ปีแรกที่เป็นครู เลยคิดถึงตัวเอง มี การงานมั่นคงพอเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว ก็มองหาสาว ๆ คนไหนน้า ที่จะมาเป็นคู่กรรม ของเรา ก็ดู ๆ ไปหลายคน ที่เป็นสาวชาวบ้านธรรมดา ๆ ก็มี ที่สุดก็มาลงลูกสาวมรรค ทายก พ่อแม่เป็นคนแก่วัด ลูกสาวก็คงไม่ทิ้งแถว คุณสมบัติก็ใช้ได้ มีการศึกษาดี เธอจบโรงเรียนเพาะช่าง แต่มาเป็นครูประถม ได้พบพูดคุยกันก็ชอบเลยนะ เพราะ เป็นคนหัวโบราณ ไม่ล้ำสมัยเกินไป แต่เขามีแฟนแล้ว แฟนเขาทำงานอยู่กรุงเทพ ฯ เธอสอนอยู่จังหวัดเลย ความห่างไกลก็เลย ร้างลากันไป ทำให้เรามีโอกาสสานสัมพันธุ์ คนแวดล้อมเธอเราตีกินรวบหมด ญาติพี่น้อง พี่ชาย พี่สะใภ้ ที่สำคัญ แม่ยายที่เขาเล่า ว่า หินที่สุด ให้ท้ายเรานี่ จะไปมีปัญหาอะไรอีก เราแต่งงานกันเมื่อ ปี 2517 ต่อมามี บุตรธิดาด้วยกัน รวม 3 คน
............... ความประทับใจในตัวคุณกาญจนา เธอเป็นภรรยาที่ดีมาก เป็นแม่ที่รักลูก อยู่นอกบ้านพูดเก่ง อยู่บ้านไม่ค่อยพูดเอาแต่ยิ้ม เลยไม่ได้ทะเลาะกันตลอดชีวิตการ สมรส เพราะอยู่กรุงเทพนาน เลยทำอาหารอีสานไม่เก่ง ต่างจากแม่ยายที่ฝีมือเยี่ยม เราก็เลยเข้าครัวช่วยแม่ยายประจำ ที่ขำไม่หายมีอยู่วันหนึ่งเธอกลับถึงบ้านก่อนสับเส้น มะละกอใส่กะละมังไว้ เก็บผักมาพร้อม พอเรากลับถึงบ้านมากระซิบว่าตำส้มให้กินหน่อย แม่ยายมาเห็นด่าเอา”กูนึกว่ามึงจะตำส้มไว้ให้ผัวกัน มึงเตรียมไว้ให้ผัวทำให้กินนี่เอง” เราก็หัวเราะ เพราะรู้อยู่ว่าแกทำอาหารอีสานไม่เก่ง ตำแจ่วบองก็ทำเยอะ ๆ ใส่กระปุก ไว้ให้ เพื่อนสาว ๆมาเยี่ยมบ้านชมใหญ่เลยว่าพี่เขยตำแจ่วบองอร่อยมาก
.............. ประมาณ ปี 2535 สุขภาพเธอเริ่มแย่งลง เป็นภูมิแพ้ ประเภทหอบหืด ก็รักษา กันตามสภาพ เพราะบ้านอยู่ในเมือง คลินิก โรงพยาบาล อยู่ไม่ไกล เพื่อนแกหลายคน ก็เป็นพยาบาลเคยได้รับคำแนะนำมากมาย แต่อาการไม่ดีขึ้น เคยไปรักษาที่โรงพยาบาล พระมงกุฎเกล้า 3 ปี ไปผ่าตัดต่อมหอบหืดที่ โรงพยาบาลโคกเคียน นราธิวาส ก็ไม่หาย ที่สุดเธอก็จากไปเมื่อปี 2542 ทิ้งมรดกไว้ ให้ 3 คน ขอบันทึกแทรกไว้ตรงนี้ละกัน
 ..............คนโต ศศิธร ศรีประจง (เดชไทย) ครูเชี่ยวชาญ พิเศษ ปริญญาโท วิชา เอกภาษาอังกฤษ ทำงานที่ โรงเรียนศรีสงครามวิทยา จังหวัดเลย
 ..............คนที่ 2 โฆษิต ศรีประจง วท.บ. พืชไร่ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำงานบริษัทเอกชน กรุงเทพ ฯ .
.............คนที่ 3 สาวิตรี ศรีประจง วท.บ. เทคโนโลยีสารสนเทศ จาก ม.มหาสารคาม ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่กรุงเทพ ฯ 



             ถ่ายกับ น.ส. นิภา ณรงค์หนู น .ส อรภา ณรงค์หนู แล้วก็ น.ส. ธนัญธร ณรงค์หนู ------------
..............ปี 2546 ได้ เปิดโลกออนไลน์ ยามอยู่ที่บ้าน ติดตั้งเนทความเร็วสูง ทำให้ทดลองสร้างเวบไซท์ได้หลายเวบ ท่องอินเตอร์เนตผ่าน ไอซีคิว แมส เสจ เพิร์ช ได้รู้จักคนมากมาย ได้เห็นบริการหาเพื่อนหญิง เพื่อนชาย นึกสนุก กับเขาเลยเขาไปเล่นด้วย ก็ได้รู้จักสาวพยาบาลโรงพยาบาลเมืองแปดริ้ว ได้แลก เปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิชาการ โดยเฉพาะเรื่องการทำเวบไซท์ การทำสไลด์ การ นำเสนอผลงาน ก็ได้ให้คำแนะนำช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์ โอกาสสำคัญ ก็มีบท กลอนให้อ่านบ้าง ทำให้ความผูกพันธ์เพิ่มมากขึ้นตามวันเวลา ยามเจ็บป่วยก็ได้ เธอช่วยเหลือ ทำให้รู้สึกว่าความอบอุ่นใจที่ขาดหายไปได้รับการทดแทนไม่เหงา อีกแล้ว จึงได้ไปพบ แม่ยาย และสารภาพความจริงให้ท่านฟัง ท่านก็เมตตาด้วยดี ยกลูกสาว" คุณนิภา ณรงค์หนู" ให้เป็นภรรยาคนที่สอง แต่นั้นมา ไม่ผิดหวังหรอก ครับเธอเป็นผู้ใหญ่ ระดับ หัวหน้าตึกสงฆ์ ดูแลคนเจ็บป่วยมานาน ย่อมไม่ยากที่ จะดูแลคนชราอย่างเรา อยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ มีเกร็ดเล็กเกร็ดย่อย ให้ได้ เล่าถึงเธอมากมาย หยิบยกมาเล่า เพียงบางอย่าง นะครับ เพื่อความปลอดภัย
...............นับแต่อยู่ด้วยกันที่แปดริ้วมา ผมมีภรรยา 3 คน คือคนแรกนิภา ณรงค์หนู พยาบาลสาวหัวหน้าตึกสงฆ์ มาดเข้ม งานคล่อง เฉียบขาด แต่ลูกน้องรักมาก อยู่มาวัน หนึ่งนิภาณ รงค์หนูหายไป มี อรภา ณรงค์หนู มาแทน ดูรูปร่างหน้าตา เวลายิ้ม เวลา ดุเหมือนนิภาไม่มีผิด เออ ก็ได้ เมียเราชื่อ อรภา เห็นว่า ลูกสาว นักเรียนระดับประถม   คิดให้ เราเลยท่องอยู่หลายวัน อรภา ๆ ๆ ๆ ๆ พยายาม จำให้ได้ กลัวลืมไป ทักชื่อเขาผิดเป็น วิยะดา วิกานดา แบบนี้ เจ็บตัวแน่ ดีใจจังได้เมียสองคนแล้ว ยัง ยังไม่จบวันหนึ่งเห็นคุยกับลูกสาวว่า มาเปลี่ยนชื่อกันเถอะ ชื่อเดิมไม่ดี ทำให้เงินทอง ไหลออกง่าย ดีใจนะที่เรามีชื่อ ขุนทอง คงไม่ไหลออกจนต้องเปลี่ยน นึกว่าพูดเล่น วันนึ่งก็มีจดหมายจ่าหน้า น.ส. ธนัญธร ณรงค์หนู ดูบ้านเลขที่ก็ใช่ ใครหว่า เด็ก แม่บ้านเขาต่อว่า “ จำภรรยาตัวเองไม่ได้เหรอ นี่แหละใช่เลย” แหม เรา มีเมียคนที่ 3 แล้วนะเออ
................ธนัญธร เคยเป็นพยาบาล แม้เป็นข้าราชการบำนาญแล้ว ยังมีจิตวิญญาณเป็นพยาบาล ใคร
เจ็บไข้ได้ป่วย ยินดีช่วยเหลือเสมอ คนรอบข้างไม่สบายก็ใส่ใจสม่ำเสมอ เป็นไง ไม่สบายตรงไหน ทานยารึยัง เอ ทำไมไม่ทานตามเวลาล่ะ  ไม่ได้นะ สำนวนนี้ได้ยินบ่อย ก็ดีนะทำให้เราสบายใจมาก ส่วนเรื่องขำ ๆ เขามีเยอะเหมือนกัน
 ................ธนัญธร คนขี้สงสัย โดยเฉพาะเรื่อง ความรัก แกจะเที่ยวถามไป ทั่ว ว่า รักฉันไหม อารมณ์ดีคุยกับลูกสาวไปมาหลายเรื่องแล้วก็ลงท้าย "หนู รักแม่ไหม" กับแม่ยายก็เหมือนกัน คำถาม "แม่รักหนูไหม" นำมาใช้ประจำ แล้วเราก็โดนบ้าง "คุณรักฉันไหม" ถามบ่อยมาก ขนาดนอนเคียงคู่กันอยู่ บนเตียงก็ยังถาม นึก ๆ ไปก็ขำ ๆนะ มันเลยเวลาจะถามว่ารักไหมมานาน แล้ว ใครจะกล้าบอกว่า "ผมรักแม่เฒ่าสุดจิตสุดใจ" เดี๋ยวก็โดนหาว่าล้อไง .
..............ธนัญธร คนรับรู้เชื่องช้า เรื่องการงาน วิชาการ อาจไม่ช้า แต่เรื่อง ถ้อยคำสำนวนภาษา นี่ ช้าเห็นได้ชัด เธอเล่าเองว่า แม่ยายเคยด่าเรื่อง น้อง ชายเชื่อฟังเมียมากกว่าพี่สาวคือตัวเธอว่า "แกพูดกับน้องชาย มันต่างกันกับ ที่เมียเขาพูด ความน่าเชื่อถือมันต่างกัน นั่งพููด กับ นอน พูดคุยกัน มันจะไป เหมือนกันได้อย่างไร หลายวันต่อมา น้องชายมาที่บ้าน แกก็ชวนน้องชาย ไปนอนคุยกัน น้องชายก็เด๋อด๋าว่า มันเรื่องอะไร พอรู้เรื่องเท่านั้นแหละแก หัวเราะขำแทบเยี่ยวเล็ดทีเดียว เรื่องทำนองนี้ ธนัญธร สะสมไว้เยอะ วันหนึ่ง แกก็มีคำถามมาบอกว่า เพื่อนเขาเตือนเธอว่า " ทำดีน่ะดีแล้วแต่ดีอย่างห่าง....." มันหมายความว่าะไร โหแฟนเรา ต้องแอบกระซิบให้ฟัง โกรธใหญ่จะกลับ ไปด่าเขา โธ่มันเย็นชืดแล้ว
..............ธนัญธร คนศรัทธาแก่กล้าจนขวัญอ่อน การไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฝังลึก ในสายเลือด อะไรที่คิดว่าศักดิ์สิทธิ ไหว้ได้ทั้งนั้น ออกจากบ้าน นั่งรถผ่านศาล พระภูมิ ผ่านเจดีย์ แกไหว้ดะไปหมด เห็นแล้วน่าเลื่อมใสนะ คนอะไรใจบุญกุศล เหลือเกิน เคยลองทดสอบ ชี้ต้นไม้ แกก็ยกมือไหว้ ชี้เครื่องบิน ก็ไหว้ เมื่อไหว้ เสร็จก็หันมาด่าเรา หาว่าเราแกล้ง ก็แค่จะชี้ให้ดู ไปไหว้มันทำไม ยาย
 ............ธนัญธร ปากไวกว่าคิด เช่นแก่กำลังพูดถึงซื้อกางเกงในสวย ๆ ได้ราคา ถูกก็นำมาเล่าให้เราฟัง ใกล้เทียงจะไปทานก๋วยเตี๋ยวกัน นั่งรถไปไม่นานอยู่ ๆ ก็ถามเราว่า"ใส่กางเกงในรึยัง" เราหัวเราะ ถามกลับไปว่า แล้วจะถามไปทำไม แกบอกว่า อยากรู้ร้านมันเปิดไหม่ คนได้ยินขำแต่ห้ามหัวเราะ เลยอยากแกล้งแก บ้าง ข้างทางมีแม่ค้าหอยแมงภู่ สาม โล ร้อย สี่ห้าเจ้า อยากซื้อไปลวกกินที่บ้าน เลยบอกแกว่า "ยาย หอยเน่า ๆสามโลร้อย สักชุดสิ" ได้เงิน รถจอดแกก็เปิดกระจก รถออกแล้วร้องบอกแม่ค้า "แม่ค้า ๆ หอยเน่า ๆ สามโลจ้า" ดีที่วันนั้นแม่ค้าไม่อยู่ อยู่แต่สามี แกทำหน้างง ๆ แต่ก็ขายให้ เขียนถึงภรรยา 2 คน ค่อนข้างยาว โดยเฉพาะคนที่ 2 สามชื่อ เขาอยาก ให้เขียนถึงเขามาก ๆ ก็เขียนให้แล้ว อย่ามาต่อว่าละกัน สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น