...................
..........เดือนนี้มีวันสำคัญทางศาสนา 2 วัน เลยถือเอาเป็นหัวข้อสนทนาธรรมกับตาที่บ้าน ตาเป็น
พวกแก่วัด แต่ไม่ชอบไปวัดทำบุญ คุยเรื่องบาปบุญ คุยได้ทุกเวลา แกชอบคุย ชอบโม้
ถาม : เดือนนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2559 วันพระใหญ่ ตรงวันอาสาฬหบูชา มันคือวันอะไรหรือตา?
ตอบ: อาสาฬหะ คือชื่อเดือนแปด บูชาก็คือการแสดงความเคารพนับถือ แสดงว่ามีกิจกรรมการ
แสดงความเคารพบูชาในเดือนนี้
ถาม : บูชาใครล่ะตา ทำไมต้องบูชา ?
ตอบ: พวกนับถือพุทธศาสนาน่ะยาย เขาว่าเพื่อระลึกวันสำคัญสมัยพุทธกาล วันขึ้น 15 ค่ำเดือนแปดนี่
แหละ พระพุทธเจ้าแสดงเทศนาครั้งแรกแก่พระปัญจวัคคีย์ จนเรียกเทศนาบทนั้นว่า ปฐมเทศนา ผล
ทำให้ท่านโกญทัญญะ บรรลุเป็นพระโสดาบัน และได้ทูลขออุปสมบท ทำให้มี อริยสงฆ์เกิดขึ้นรูปแรก
และทำให้พระรัตนตรัยครบ 3 องค์ประกอบครั้งแรกด้วย ชาวพุทธจึงแสดงความเคารพพระรัตนตรัย
เพื่อระรึกถึงวันที่เคยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในครั้งกระโน้น เลยเรียกวันอาสาฬหบูชา
ถาม : บูชาใครล่ะตา ทำไมต้องบูชา ?
ตอบ: พวกนับถือพุทธศาสนาน่ะยาย เขาว่าเพื่อระลึกวันสำคัญสมัยพุทธกาล วันขึ้น 15 ค่ำเดือนแปดนี่
แหละ พระพุทธเจ้าแสดงเทศนาครั้งแรกแก่พระปัญจวัคคีย์ จนเรียกเทศนาบทนั้นว่า ปฐมเทศนา ผล
ทำให้ท่านโกญทัญญะ บรรลุเป็นพระโสดาบัน และได้ทูลขออุปสมบท ทำให้มี อริยสงฆ์เกิดขึ้นรูปแรก
และทำให้พระรัตนตรัยครบ 3 องค์ประกอบครั้งแรกด้วย ชาวพุทธจึงแสดงความเคารพพระรัตนตรัย
เพื่อระรึกถึงวันที่เคยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในครั้งกระโน้น เลยเรียกวันอาสาฬหบูชา
ถาม : แล้วบูชาที่ว่านี่ ต้องทำอย่างไร ?
ตอบ: การบูชามี 2 ประเภทนะยาย อามิสบูชา และ ปฏิบัติบูชา ใช้สิ่งของเช่นข้าวตอกดอกไม้ ผ้า หรือไทยทานต่าง ๆ อันนี้เรียกอามิสบูชา การทำกิจกรรมทางกายวาจาและใจเพื่อบูชา นี่เป็นปฏิบัติบูชาที่
เราเห็นและรู้จักกันมากคือจุดธูปเที่ยนและมีดอกไม้บูชา ส่วนการปฏิบัติได้แก่ตั้งใจทำดีเพื่อบูชาทำ
ได้มากมายหลายวิธีได้แก่ การทำให้เกิด กายสุจริต วจีสุจริตและมโนสุจริต เป็นปฏิบัติบูชาได้ทั้งสิ้น
ถาม : เวียนเทียนล่ะตา เดินจนเวียนหัว แดดก็ร้อน ทำไปทำไม ?
ตอบ: แสดงการบูชาแบบอินเดีย เวลาเขาแสดงความเคารพ คน สถานที่ นิยมเดินวนรอบที่เรียก
ถาม : เวียนเทียนล่ะตา เดินจนเวียนหัว แดดก็ร้อน ทำไปทำไม ?
ตอบ: แสดงการบูชาแบบอินเดีย เวลาเขาแสดงความเคารพ คน สถานที่ นิยมเดินวนรอบที่เรียก
ประทักษิณ เวียนขวา ให้แขนขวาอยู่ด้านสิ่งที่ทำบูชา เคยดูหนังแขกไหม เวลาภรรยาเขาแสดง
ความเคารพสามีก็ใช้วิธีเดินวนรอบ แบบนั้นแหละ แต่ไทยเก่งกว่า มีเวียนซ้ายด้วยตอนเคารพศพไง
รอบกองฟืน หรือรอบเมรุ วนซ้ายนะ การไปเวียนเทียนทำทั้งสองอย่างคือทั้งอามิสและปฏิบัติ
ถาม : แล้วที่เอาผ้าไปพันรอบต้นโพธิ์นี่เป็นการบูชาแบบไหนคะตา ?
ตอบ: อ๋อแบบนอกตำราไง พระพุทธเจ้าห้ามมิให้เคารพบูชาต้นไม้ ภูเขา ภูติผี เทพ พรหม ชาวพุทธ
บูชาพระรัตนตรัยเท่านั้น ถ้าจะบูชาสิ่งอื่น ก็ต้องพิจารณาว่าสิ่งนั้นเป็น ปูชา จ ปูชนียานัง หรือไม่ ถึง
จะสมควรบูชา เช่น เคารพบูชาพ่อแม่ เคารพบูชาพระมหากษัตริย์ เคารพบูชาอนุสรณ์สถานต่าง ๆ
แต่ต้นไม้นี่ คงไม่ได้สำคัญมากมายจนต้องหาผ้ามาห่มบูชาหรอก
ถาม : ถามถึงปฏิบัติบูชาที่พูดค้างตอนแรก กิจกรรมที่ทำให้เกิดกายสุจริต วจีสุจริตและมโนสุจริต ที่ตา
ว่านั่น ทำอะไรบ้าง ?
ตอบ: การปฎิบัติที่ทำให้เกิดสุจริต 10 ประการ ประกอบด้วยกายสุจริต 3 วจีสุจริต 4 และมโนสุจริต 3
............1..ประพฤติชอบด้วยกาย เรียกกายสุจริตมี ๓ อย่างเว้นจากฆ่าสัตว์ ๑ เว้นจากลักฉ้อ ๑ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑
............2..ประพฤติด้วยวาจา เรียกวจีสุจริตมี ๔ อย่างเว้นจากพูดเท็จ ๑ เว้นจากพูดส่อเสียด ๑ เว้นจากพูดคำหยาบ ๑ เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ ๑
............3..ประพฤติชอบด้วยใจ มโนสุจริตมี ๓ อย่างไม่โลภอยากได้ของเขา ๑ ไม่พยาบาทปองร้าย ๑ เห็นชอบตามคลองธรรม ๑
............สังเกตดูให้ดีนะยาย สุจริต 10 ประการนี้มักเกิดจากการทำบุญ 3 ประการนั่นเองคือ ทานมัย
สีลมัยและภาวนามัย เหมาะสำหรับทำเป็นปฏิบัติบูชา
ถาม : ยายว่าจะนุ่งขาวห่มขาวไปจำศีลที่วัด ไปทำบุญตักบาตร แบบที่เห็นคนอื่นเขาทำ ดีใหม ?
ตอบ: คิดว่าดีนะ ยายไปวัดแล้ว ตาก็โล่งซิ ไปจำศีลแบบนั้นแปลก ๆ นะยาย พระพุทธเจ้าบัญญัติให้ปฏิบัติศีล เพื่อให้กายวาจา ของคนปฏิบัติ เป็นปกติ สีล ตัวนี้แปลว่า ปกติ เย็น หิน และ แปลว่าขัด .
.........ปกติ หมายถึงถือศีลแล้วมันปกติดีทั้งทางกาย และทางวาจา ตาสมาทานศีลห้าทุกเช้า ก็ไม่ต้องเปลี่ยนชุดนะ บางทีลืมสมาทานลงไปรดต้นไม้ ก็สมาทานมันตอนรดต้นไม้นั่นแหละ จนศีลเป็นปกติสำหรับตาแล้ว ที่ยายบอกแค่คิดจะไปมันยุ่งไปหมด เพราะต้องหาชุดขาวมาใส่ ต้องไปนอนวัด ต้อง
ท่องบทสวดมนต์ไหว้พระไม่งั้นอายเขา ต้องเตรียมเงินไว้ทำบุญ
.........แปลว่า เย็น หมายความว่าปฏิบัติรักษาศีลแล้วจะเกิดความเย็นกาย เย็นใจ ก็เพราะไม่ได้ทำผิด
ศีลข้อไหน ๆ มันเลยเย็นกายเย็นใจสมชือ สีล ที่แปลว่าเย็น
.........แปล สีล ว่าหิน เพราะหินมันหนักแน่น เจอสิ่งที่จะทำให้ศีลขาดก็ทนได้ เป็นการฝึกอดทน
อดกล้ัน อยู่ศาลาวัดนี่มันไม่สะดวกเหมือนอยู่บ้าน นั่นก็ไม่มี นี่ก็ใช้ไม่ได้ ยายนั่นมันคุยไม่หยุด ยาย
นี่ก็โม้ ยายนั่นก็อวดร่ำอวดรวย อ้าว...มาเพิ่มโทสะอิจฉาริษยารึเปล่านี่
........แปลสีล ว่าขัด หมายถึงขัดเกลา คือขัดเกลากิเลสให้เบาบางลงทุกตัว ผู้ทรงศีลจึงเป็นคนกาย
วาจาสงบเสงี่ยม เรียบร้อยเยือกเย็น น่าเลื่อมใสศรัทธา
.........จากความหมายของศีลทั้ง 4 อย่างที่นำมาเล่าให้ฟัง พุทธศาสนาต้องการให้เราเป็นคน เย็นกายเย็นใจ ต้องการให้เป็นคนหนักแน่นไม่กล้าทำชั่ว ต้องการให้เป็นคนที่กายใจเบาบางจากกิเลส สังเกต
ดูสิคนแบบนี้อยากให้มีที่ศาลาวัด หรืออยากให้มีที่บ้าน ที่ทำงาน ที่สังคมชุมชน สถานที่รักษาศีล
ไม่ใช่วัด แต่คือนอกวัดต่างหาก
ถาม : นั่นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่ใช่ แล้วตาจะบูชาวันอาสาฬหบูชาอย่างไรล่ะ อย่าบอกนะว่าไม่ไปวัดอีก ?
ตอบ: ดักไว้ก่อนเลยนะยาย ตาก็ทำปฏิบัติบูชาซะเป็นส่วนใหญ่ แค่ทำเหมือนทุกวันก็พอนะ ตื่นแต่เช้าทำวัตรสวดมนต์ สมาทานศีล เพิ่มเป็นศีลแปดซักวัน แล้วก็ดูแลมิให้ขาดตลอด 24 ชั่วโมง สีลมัยนะนี่ สมาทานศีลเสร็จก็นั่งสมาธิแผ่เมตตาซัก 15 นาที นี่เป็นภาวนามัยนะ เขียนบทความให้ความรู้ เรื่องการทำอาหาร การแต่งบทร้อยกรอง การดำรงชีวิตของคนสมัยก่อน ที่เราชำนาญอยู่แล้วนั่นแหละโพสออกเนตไป ใครหลงมาอ่านเข้า ตาก็ได้ให้สติปัญญาแก่เขา ธรรมทานเชียวนะนี่ เป็นทานชนิดไม่รู้จบจนกว่าจะลบทิ้ง ว่าง ๆ ก็ออกไปโรงพยาบาล ตู้บริจาคเขามีเยอะไม่แพ้วัดหรอก แต่จุดประสงค์ชัดกว่า ช่วยคนเจ็บป่วยที่ยากจน ช่วยการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ แบบนี้ ทำบุญแล้วสบายใจ หรือไปท่าน้ำโปรยอาหารให้ปลา ก็ได้บุญ ไม่ยุ่งยากอะไร
...........ทำไมไม่ไปทำบุญตักบาตรที่วัด วันพระใหญ่ด้วย ตาเคยอยู่วัด 7 พรรษา เคยต่อว่าชาวบ้าน วันธรรมดาไม่ค่อยมีคนถวายกับข้าวเลย มีแต่ข้าวเปล่า ๆ ต้องพึ่งน้ำปลาบ่อย ๆ พอวันพระละก้อแห่กันมาใส่ข้าวปลาอาหาร ล้นบาตรยังหาถุงใส่ให้หิ้วอีก ที่ศาลาฉันก็คนล้นแทบไม่มีที่จะนั่ง กับข้าววันพระล้นเหลือ จนต้องหาเข่งมาใส่ ต้องโทรเรียกครูมาเอาไปแจกเด็ก นึกถึงความหลังเลยไม่อยากไปเห็น บางวัดพระมีรูปเดียว ชาวบ้าน 40 ครอบครัว ไปวัดวันพระ สงสารพระมาก เคยเห็นพวกแอบถ่ายภาพลงเฟซ ขำมาก หลวงตาไม่รู้จะฉันอันไหนดี ยายจะไปวัดก็ไปเถอะ
..........อ้อ ถ้าไปวัดฝากหน่อยนะ ไปทำบุญก็เพื่อรบกิบกิเลส 3 ตัวคือ โลภะ โทสะ และ โมหะ ทำทาน
เพื่อขัดโลภะให้เบาบางไม่ใช่ทำบุญด้วยไทยทานมูลค่า 150 บาท พอพระให้พรก้มหน้าพึมพำ..."สาธุ
ชาติหน้าขอให้เกิดเป็นลูกเศรษฐี อย่าได้ยากจนอีกเลย หรือถ้าได้เกิดเป็นเทวดาก็ขอเกิดสวรรค์ชั้นหก
นะ มีวิมานแก้ววิมานทอง เทพบุตรเทพธิดาแวดล้อมเป็นบริวาร..." ถ้าแบบนี้ละก้อไม่เบาบางหรอก แต่
โลภมันขยายตัวจาก 150 บาท เป็นหมื่นล้านแสนล้าน แม้ทำบุญด้วยสีลมัยภาวนามัยก็เช่นกัน รับศีลมา
หยก ๆ ลงจากศาลา หารองเท้าไม่เจอ ด่ามันเจ็ดชั่วโคตร นี่มันโทสะกำลังกำเริบ ศีลเอาไม่อยู่ หรือไม่
ก็ลงมาดิ่งเข้าหาต้นโพธิ์ เอาเศษข้าวปลาอาหารไปวาง จุดธูปไหว้ประหลก ๆ อันนี้โมหะของแท้หัวแข็ง
ภาวนามัยแก้ไม่หาย
............สุดท้าย ขอฝากว่า เราเป็นชาวพุทธ ชื่อพุทธมามกะ นับถือพระพุทธเจ้าเป็นอาจารย์ ท่านสอน
ว่า เป็นพุทธศาสนิกชนแล้ว ให้เลิกนับถือต้นไม้ ภูเขา เลิกนับภือภูติผีปีศาจ เลิกนับถือเทพพรหม หัน
มานับถือพระรัตนตรัย เท่านั้น......นับถือแล้วก็จงปฏิบัติตามหลักคำสอน3 หลักคือ สัพพปาปัสสะ
อกรณังไม่กระทำบาปทั้งปวง กุสลัสสูปสัมปทา สั่งสมสิ่งที่เป็นบุญกุศลให้ถึงพร้อม สจิตตปริโย
ทัปปนัง หมั่นชำระจิตให้หมดจด(จากกิเลส)เสมอ โดยยึดวิถีการดำเนินชีวิต 3 หลักคือ สีลสิกขา
จิตตสิกขา และปัญญาสิกขา แล้วเราก็จะเป็นชาวพุทธที่ดี....จริง ๆ น่า สวัสดียาย
ถาม : แล้วที่เอาผ้าไปพันรอบต้นโพธิ์นี่เป็นการบูชาแบบไหนคะตา ?
ตอบ: อ๋อแบบนอกตำราไง พระพุทธเจ้าห้ามมิให้เคารพบูชาต้นไม้ ภูเขา ภูติผี เทพ พรหม ชาวพุทธ
บูชาพระรัตนตรัยเท่านั้น ถ้าจะบูชาสิ่งอื่น ก็ต้องพิจารณาว่าสิ่งนั้นเป็น ปูชา จ ปูชนียานัง หรือไม่ ถึง
จะสมควรบูชา เช่น เคารพบูชาพ่อแม่ เคารพบูชาพระมหากษัตริย์ เคารพบูชาอนุสรณ์สถานต่าง ๆ
แต่ต้นไม้นี่ คงไม่ได้สำคัญมากมายจนต้องหาผ้ามาห่มบูชาหรอก
ถาม : ถามถึงปฏิบัติบูชาที่พูดค้างตอนแรก กิจกรรมที่ทำให้เกิดกายสุจริต วจีสุจริตและมโนสุจริต ที่ตา
ว่านั่น ทำอะไรบ้าง ?
ตอบ: การปฎิบัติที่ทำให้เกิดสุจริต 10 ประการ ประกอบด้วยกายสุจริต 3 วจีสุจริต 4 และมโนสุจริต 3
............1..ประพฤติชอบด้วยกาย เรียกกายสุจริตมี ๓ อย่างเว้นจากฆ่าสัตว์ ๑ เว้นจากลักฉ้อ ๑ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑
............2..ประพฤติด้วยวาจา เรียกวจีสุจริตมี ๔ อย่างเว้นจากพูดเท็จ ๑ เว้นจากพูดส่อเสียด ๑ เว้นจากพูดคำหยาบ ๑ เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ ๑
............3..ประพฤติชอบด้วยใจ มโนสุจริตมี ๓ อย่างไม่โลภอยากได้ของเขา ๑ ไม่พยาบาทปองร้าย ๑ เห็นชอบตามคลองธรรม ๑
............สังเกตดูให้ดีนะยาย สุจริต 10 ประการนี้มักเกิดจากการทำบุญ 3 ประการนั่นเองคือ ทานมัย
สีลมัยและภาวนามัย เหมาะสำหรับทำเป็นปฏิบัติบูชา
ถาม : ยายว่าจะนุ่งขาวห่มขาวไปจำศีลที่วัด ไปทำบุญตักบาตร แบบที่เห็นคนอื่นเขาทำ ดีใหม ?
ตอบ: คิดว่าดีนะ ยายไปวัดแล้ว ตาก็โล่งซิ ไปจำศีลแบบนั้นแปลก ๆ นะยาย พระพุทธเจ้าบัญญัติให้ปฏิบัติศีล เพื่อให้กายวาจา ของคนปฏิบัติ เป็นปกติ สีล ตัวนี้แปลว่า ปกติ เย็น หิน และ แปลว่าขัด .
.........ปกติ หมายถึงถือศีลแล้วมันปกติดีทั้งทางกาย และทางวาจา ตาสมาทานศีลห้าทุกเช้า ก็ไม่ต้องเปลี่ยนชุดนะ บางทีลืมสมาทานลงไปรดต้นไม้ ก็สมาทานมันตอนรดต้นไม้นั่นแหละ จนศีลเป็นปกติสำหรับตาแล้ว ที่ยายบอกแค่คิดจะไปมันยุ่งไปหมด เพราะต้องหาชุดขาวมาใส่ ต้องไปนอนวัด ต้อง
ท่องบทสวดมนต์ไหว้พระไม่งั้นอายเขา ต้องเตรียมเงินไว้ทำบุญ
.........แปลว่า เย็น หมายความว่าปฏิบัติรักษาศีลแล้วจะเกิดความเย็นกาย เย็นใจ ก็เพราะไม่ได้ทำผิด
ศีลข้อไหน ๆ มันเลยเย็นกายเย็นใจสมชือ สีล ที่แปลว่าเย็น
.........แปล สีล ว่าหิน เพราะหินมันหนักแน่น เจอสิ่งที่จะทำให้ศีลขาดก็ทนได้ เป็นการฝึกอดทน
อดกล้ัน อยู่ศาลาวัดนี่มันไม่สะดวกเหมือนอยู่บ้าน นั่นก็ไม่มี นี่ก็ใช้ไม่ได้ ยายนั่นมันคุยไม่หยุด ยาย
นี่ก็โม้ ยายนั่นก็อวดร่ำอวดรวย อ้าว...มาเพิ่มโทสะอิจฉาริษยารึเปล่านี่
........แปลสีล ว่าขัด หมายถึงขัดเกลา คือขัดเกลากิเลสให้เบาบางลงทุกตัว ผู้ทรงศีลจึงเป็นคนกาย
วาจาสงบเสงี่ยม เรียบร้อยเยือกเย็น น่าเลื่อมใสศรัทธา
.........จากความหมายของศีลทั้ง 4 อย่างที่นำมาเล่าให้ฟัง พุทธศาสนาต้องการให้เราเป็นคน เย็นกายเย็นใจ ต้องการให้เป็นคนหนักแน่นไม่กล้าทำชั่ว ต้องการให้เป็นคนที่กายใจเบาบางจากกิเลส สังเกต
ดูสิคนแบบนี้อยากให้มีที่ศาลาวัด หรืออยากให้มีที่บ้าน ที่ทำงาน ที่สังคมชุมชน สถานที่รักษาศีล
ไม่ใช่วัด แต่คือนอกวัดต่างหาก
ถาม : นั่นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่ใช่ แล้วตาจะบูชาวันอาสาฬหบูชาอย่างไรล่ะ อย่าบอกนะว่าไม่ไปวัดอีก ?
ตอบ: ดักไว้ก่อนเลยนะยาย ตาก็ทำปฏิบัติบูชาซะเป็นส่วนใหญ่ แค่ทำเหมือนทุกวันก็พอนะ ตื่นแต่เช้าทำวัตรสวดมนต์ สมาทานศีล เพิ่มเป็นศีลแปดซักวัน แล้วก็ดูแลมิให้ขาดตลอด 24 ชั่วโมง สีลมัยนะนี่ สมาทานศีลเสร็จก็นั่งสมาธิแผ่เมตตาซัก 15 นาที นี่เป็นภาวนามัยนะ เขียนบทความให้ความรู้ เรื่องการทำอาหาร การแต่งบทร้อยกรอง การดำรงชีวิตของคนสมัยก่อน ที่เราชำนาญอยู่แล้วนั่นแหละโพสออกเนตไป ใครหลงมาอ่านเข้า ตาก็ได้ให้สติปัญญาแก่เขา ธรรมทานเชียวนะนี่ เป็นทานชนิดไม่รู้จบจนกว่าจะลบทิ้ง ว่าง ๆ ก็ออกไปโรงพยาบาล ตู้บริจาคเขามีเยอะไม่แพ้วัดหรอก แต่จุดประสงค์ชัดกว่า ช่วยคนเจ็บป่วยที่ยากจน ช่วยการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ แบบนี้ ทำบุญแล้วสบายใจ หรือไปท่าน้ำโปรยอาหารให้ปลา ก็ได้บุญ ไม่ยุ่งยากอะไร
...........ทำไมไม่ไปทำบุญตักบาตรที่วัด วันพระใหญ่ด้วย ตาเคยอยู่วัด 7 พรรษา เคยต่อว่าชาวบ้าน วันธรรมดาไม่ค่อยมีคนถวายกับข้าวเลย มีแต่ข้าวเปล่า ๆ ต้องพึ่งน้ำปลาบ่อย ๆ พอวันพระละก้อแห่กันมาใส่ข้าวปลาอาหาร ล้นบาตรยังหาถุงใส่ให้หิ้วอีก ที่ศาลาฉันก็คนล้นแทบไม่มีที่จะนั่ง กับข้าววันพระล้นเหลือ จนต้องหาเข่งมาใส่ ต้องโทรเรียกครูมาเอาไปแจกเด็ก นึกถึงความหลังเลยไม่อยากไปเห็น บางวัดพระมีรูปเดียว ชาวบ้าน 40 ครอบครัว ไปวัดวันพระ สงสารพระมาก เคยเห็นพวกแอบถ่ายภาพลงเฟซ ขำมาก หลวงตาไม่รู้จะฉันอันไหนดี ยายจะไปวัดก็ไปเถอะ
..........อ้อ ถ้าไปวัดฝากหน่อยนะ ไปทำบุญก็เพื่อรบกิบกิเลส 3 ตัวคือ โลภะ โทสะ และ โมหะ ทำทาน
เพื่อขัดโลภะให้เบาบางไม่ใช่ทำบุญด้วยไทยทานมูลค่า 150 บาท พอพระให้พรก้มหน้าพึมพำ..."สาธุ
ชาติหน้าขอให้เกิดเป็นลูกเศรษฐี อย่าได้ยากจนอีกเลย หรือถ้าได้เกิดเป็นเทวดาก็ขอเกิดสวรรค์ชั้นหก
นะ มีวิมานแก้ววิมานทอง เทพบุตรเทพธิดาแวดล้อมเป็นบริวาร..." ถ้าแบบนี้ละก้อไม่เบาบางหรอก แต่
โลภมันขยายตัวจาก 150 บาท เป็นหมื่นล้านแสนล้าน แม้ทำบุญด้วยสีลมัยภาวนามัยก็เช่นกัน รับศีลมา
หยก ๆ ลงจากศาลา หารองเท้าไม่เจอ ด่ามันเจ็ดชั่วโคตร นี่มันโทสะกำลังกำเริบ ศีลเอาไม่อยู่ หรือไม่
ก็ลงมาดิ่งเข้าหาต้นโพธิ์ เอาเศษข้าวปลาอาหารไปวาง จุดธูปไหว้ประหลก ๆ อันนี้โมหะของแท้หัวแข็ง
ภาวนามัยแก้ไม่หาย
............สุดท้าย ขอฝากว่า เราเป็นชาวพุทธ ชื่อพุทธมามกะ นับถือพระพุทธเจ้าเป็นอาจารย์ ท่านสอน
ว่า เป็นพุทธศาสนิกชนแล้ว ให้เลิกนับถือต้นไม้ ภูเขา เลิกนับภือภูติผีปีศาจ เลิกนับถือเทพพรหม หัน
มานับถือพระรัตนตรัย เท่านั้น......นับถือแล้วก็จงปฏิบัติตามหลักคำสอน3 หลักคือ สัพพปาปัสสะ
อกรณังไม่กระทำบาปทั้งปวง กุสลัสสูปสัมปทา สั่งสมสิ่งที่เป็นบุญกุศลให้ถึงพร้อม สจิตตปริโย
ทัปปนัง หมั่นชำระจิตให้หมดจด(จากกิเลส)เสมอ โดยยึดวิถีการดำเนินชีวิต 3 หลักคือ สีลสิกขา
จิตตสิกขา และปัญญาสิกขา แล้วเราก็จะเป็นชาวพุทธที่ดี....จริง ๆ น่า สวัสดียาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น